1
ฉันถูกมองว่าเป็นยัยเพี้ยน เพราะบังเอิญกินอะไรที่คนอื่นมองว่าแปลก ก็ในเมื่อมันเป็นของกินฉันจะกินด้วยวิธีไหนแล้วมันต้องขึ้นอยู่กับใครด้วยหรอ
และก็เช่นกันฉันไม่เข้าใจระบบการคิดของผู้คนบนโลกในนี้เอาเสียเลยมันสับซ้อนเกินไปแม้การทั้งความคิดของตัวเองฉันก็ยังไม่เข้าใจ ฉันก็มนุษย์บนโลกใบนี้นี่นะ
บางทีก็อาจเพี้ยนไปจริงๆ
ฉันก็แค่เด็กผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งด้วยใบหน้าที่ฉันเองก็ไม่ได้ตั้งใจจะให้มันนิ่งหรือเงียบขรึมอย่างที่คนอื่นว่ากัน ฉันก็เป็นแบบนั้น ดูเหมือนสิ่งนี้จะเป็นปัญหาในการทำความรู้จักกับคนอื่นๆ เหมือนพวกความสามารถในการเข้าสังคมอยู่ในระดับแย่ เพราะฉันไม่ชอบที่จะเข้าหาคนอื่นก่อน แต่ใครก็ตามที่ต้องการรู้จักฉันฉันเองก็เปิดใจรับหมดก็นะใครๆก็อยากมีเพื่อน ถึงแม้ส่วนมากฉันจะชอบอยู่คนเดียวเพราะหลงใหลความสงบก็เถอะ แต่ก็มีเพื่อนหรือรู้จักกับคนมากขึ้นมันก็รู้สึกดี สนุก และไม่เหงา ก็อยู่คนเดียวมากๆใช้ความคิดเยอะมันเผลอคิดเรื่องเหงาบ้างเหมือนกัน
มีอีกเรื่องหนึ่งที่ฉันไม่สามารถบอกให้ใครรับรู้ได้ ก็เพราะไอ้ระบบการความคิดที่สุดแสนจะสับสนและแตกต่างของผู้คนนั่นแหละฉันถึงไม่สามารถพูดออกมาได้
ฉันแอบชอบใครคนหนึ่ง ซึ่งอาจเป็นเรื่องปกติของเด็กวัยรุ่นวัยลองวัยคึกคะนองวัยอยากเรียนรู้วัยแรกรักหรืออะไรๆที่ใครอยากจะเรียกก็เหอะ มันดูเป็นเรื่องสุดแสนธรรมดาของช่วงหนึ่งในชีวิตมนุษย์ ความรัก ถึงจะกระดากปากที่จะพูดคำนั้ก็เถอะนะ แต่ตอนนี้ฉันว่าตัวฉันมีสิ่งนี้อยู่ มันเกิดขึ้นจากอะไรก็ไม่รู่หรอกเหตุผลมันยากจะเข้าใจ
พล่ามไปก็เท่านั้น
ฉันเผลอไปแอบชอบผู้หญิงคนหนึ่งเข้า
แปลกไหมล่ะในเมื่อตัวฉันเองก็เป็นผู้หญิงดูผิดกฏและทฤษฎีความเป็นไปของธรรมชาติ หลักการดำรงอยู่ของสิ่งมีชีวิต หรือถึงคราวโลกจะดับสูญแล้วงั้นหรอ
เหตุเพราะฉันผิดธรรมชาติ
แต่ก็อีกนั้นแหละใครเป็นคนตั้งกฏเกณฑ์นั้นขึ้นมานอกจากมนุษย์ผู้มีความคิดที่ผิดแปลกพิสดาร นี้คือสิ่งที่คนส่วนมากเรียกคนกลุ่มน้อย
ความรักหรืออยากหัวเราะกับตัวเอง ฉันรักใครเป็นบ้างนอกจากตัวเอง แต่พอเจอเธอคนนั้นฉันกำลังเปลี่ยนไปรึเปล่านะ
ฉันเคยชอบมาตลอดคือบุรุษเพศที่ธรรมชาติสร้างมาให้คู่กับอิสตรี แต่ถ้าฉันจะไปตะโกนบอกภูเขาแม่น้ำลำธาร ว่าตอนนี้ขอโทษด้วยนะค่ะ ฉันกำลังทำให้คุณผิดหวัง
สิ่งที่คุณสร้างมาและต้องการให้ฉันเป็นไปตามระบบนั้น มันไม่ใช่ ตอนนี้ฉันหลงรักผู้หญิงไปแล้ว
ก็ใครบอกให้ธรรมชาติสร้างเธอคนนั้น กับฉันที่เป็นแบบนี้มาล่ะ
ใบหน้าของเธอคนนั้นจากการที่บังเอิญสบตากันครั้งแรก
จากนั้นก็เป็นหลายๆวันที่ฉันเผลอหันไปมองอยู่่ทุกวัน
จนกระทั่งติดเป็นกิจวัตรที่ต้องมองหา
และเผลอแปปเดียวฉันก็รู้เรื่องราวของเธอคนนั้นซะมากมาย
รู้ไหมทำไมฉันถึงได้หลงไหลใบหน้านั้น
ผู้หญิงคนนั่นสีหน้าเรียบนิ่ง ดูสงบ แต่ทุกครั้งที่มองไปที่ใบหน้าเรียบเฉยนั้น ฉันมองเห็นรอยยิ้ม
รอยยิ้มไม่ได้ยิ้มอยู่ที่ริมฝีปากได้รูปนั่นแต่อย่างใด
แต่เธอซ้อนรอยยิ้มสดใสไว้ในดวงตา
และนั่นที่บางที่ก็เผลอพูดเรื่องเธอออกมาอย่างร้อนรนกับตัวเอง ว่าเธอสดใสกี่รอบไม่รู้วนไปวนมา
ในสมุดบันทึกที่ทุกวันเคยมีแต่เรื่องของฉันก็กลายเป็นเรื่องของเธอ
รูปธรรมชาติและทิวทัศน์สัตว์ป่าที่ฉันชอบวาด
ก็กลายเป็นวาดแต่รูปของใบหน้าและร่างกายของผู้คน
และดวงตาของเธอ
ฉันคงเพี้ยนไปจริงๆ ที่ปล่อยให้เรื่องราวของคนที่ไม่เคยแม้กระทั่งพูดคุยกันด้วยซ้้ำมามีอิทธิพลกับตัวฉันถึงขนาดนี้
และฉันคงเพี้ยนไปจริงๆที่มองโลกบูดๆเบี้ยวๆบวมๆนี่ ว่ามันสวยงาม
เลน พีรดา. เพิ่มพูนผล. 3456
นัยตาสีน้ำตาลไล่สายตาอ่านข้อความจากสมุดโน๊ตปกสีดำที่เธอเก็บได้ สมุดที่เต็มไปด้วยภาพของเธอชื่อของเธอวันที่และกิจกรรมต่างๆ บทกวีที่ไม่มีสัมผัสแต่มันพรรณาไว้ถึงเธอ แต่สมุดเล่มนี้ไม่ใช่ของเธอ ดูจากจำนวนหน้าที่เขียนไปเกือบครึ่งคอนเล่ม และลักษณะที่ยังอยู่ในสภาพนี้ เจ้าของคนร้อนใจอยู่แน่ถ้ารู้ว่ามันหาย
ก็ไม่ได้จะอ่านหรอก แต่พอเห็นชื่อกับนามสกุลที่แสนคุ้นเคยมันก็ชวนให้อยากรู้
และเธอเพิ่งรู้ว่าเด็กเงียบๆอย่างลูกสาวอาจารย์สอนคณิต จะแอบชอบใครกับเขาเป็นด้วยเห็นคลุกอยู่แต่กลับตัวเอง
ที่สำคัญรสนิยมก็ยังแปลกอีกซะด้วย
พอจะรู้จักอยู่หรอกว่าชื่อเรน ก็เข้าใจว่าเรนที่แปลว่าฝน ไม่มาก่อนนว่าเป็นภาษาไทยแท้ๆที่แปลว่าโคลน
และเรื่องสำคัญมากๆเรื่องหนึ่งที่เธอไปเผลอรู้เข้าผู้หญิงคนที่เด็กคนนั้นเขียนถึงคือเธอคนที่ถือหนังสือเล่มนี้อยู่ตอนนี้
ร่างเด็กสาวร่างสูงเดินตรงไปที่ห้องสมุด เธอก็พบเด็กคนนั้นที่เธอตามหา พอจะเดินตรงเข้าไปหากลับเป็นเธอที่ชะงักและใจเต้นถี่รัว เธอเดินวนๆเวียนๆอยู่อย่างนั้น จนเด็กคนนั้นละสายตาจากหนังวือขึ้นมาสบตาเธอ
เอาเข้าให้แล้วใบหน้านิ่งๆนั้น ทำเธอต้องนิ่งตาม
สูดลมหายใจเข้า แล้วก็เดินมุ่งตรงไป เด็กสาวคนนั้นก็มองอย่างประหลาดใจที่พี่สาวที่เธอแอบชอบเดินตรงไปหาเขาละมั้ง
รุ่นพี่นั่งลงที่โต๊ะตรงข้ามในคราแรกเธอไม่ได้พูดเอาแต่จ้องตากันไปมา กับหน้าสองคนที่นิ่งงันนั่น. ยังกับรูปปั้นนักรบนั่งเผชิญหน้ากัน
"มีอะไรรึเปล่าค่ะ "เลนเป็นคนพูดขึ้นก่อน ก็เล่นมานั่งจ้องหน้าไม่พูดอะไรมันก็ชวนอึดอัด
เอาก็เอาถ้าไม่ใช่อย่างที่คิดก็แค่หน้าแตก แต่ถ้าใช่ก็อะไรไม่รู้หรอก แค่รูปวาดหน้าเหมือนทั้งชื่ิอนามสกุลวันเกิดกลุ๊ปเลือด เลขห้องเรียน เลขประจำตัวมันเธอชัดๆ อยากรู้ว่าปฏิเสธเธอยังไง
"สมุดเล่มนี้ใช่ของน้องรึเปล่าค่ะ"คนที่เดินเขามาหาก็เปิดประเป๋า คนสมุดที่เพิ่งแอบอ่านขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะ แล้วเลื่อนไปตรงหน้าเด็กสาวรุ่นน้อง ทันทีที่เห็นเธอก็มีแววตกใจเล็กน้อยที่คนยื่นให้แอบยิ้มในใจอยู่ไม่น้อย ปฏิเสธไม่ได้สินะ
"ค่ะ ใช่ของฉันเองค่ะ"แต่เด็กสาวก็ยอมรับแต่โดยดี เธอจะจับเก็บแต่ รุ่นพี่สาวกดสมุดไว้กับโต๊ะ
"เอ่อ ฉันลืมขอบคุณหรอคะ งั้นก็ขอบคุณคะ"หน้านิ่งแล้วถามเธออย่างไร้เรียงสา แล้วก็ยิ้มแล้วกล่าวขอบคุณ
รุ่นพี่สับสนไม่มีทีท่าเขินอายเลยพรรณาถึงเธอซะมากมาย แต่พออยู่ตรงหน้าไม่มีทีท่าอะไรเลย เด็กคนนี้
"พี่อ่านหมดแล้วนะคะ"
"งั้นหรอคะ"เธอยั่งนิ่ง แต่แววตาที่เจ้าของสมุดตกใจก็ทำให้เธอแอบยิ้มกริ่ม
"เอ่อ น้องจะไม่พูดอะไรเลยหรอคะ"
"จะให้ฉันพูดอะไรล่ะคะ ก็เป็นอย่างที่เขียนไว้ในนั้นทั้งหมดนั่นแหละคะ พี่อ่านเจอเห็นอะไร มันก็เป็นอย่างนั้น พี่จะให้ฉันว่าอะไรอีกคะ พี่มายด์"
"คะ"แล้วก็ไปไม่เป็น อย่างที่ว่าเธออยากให้เด็กคนนี้พูดอะไร แต่ที่แน่ๆแสดงท่าทางอะไรซักหน่อยก็ยังดี อันนี้ไม่มีไม่พบไม่เจอ ไอ้อย่างที่เขียนน่ะมันจริงแน่หรอ
"หมดธุระแล้วรึเปล่าค่ะ ฉันอยากอ่านหนังสือ ยังไงก็ขอบคุณนะคะที่เก็บมาให้"การไล่ที่โจ่งแจ้งชัดเจน เด็กคนนี้ ชอบเธอไม่ใช่หรอ แล้วทำไมดูเฉยชาจนเพียงนี้
"น้องเลนคะ น้องเลนชอบพี่จริงๆรึเปล่าคะ?"อยู่ดีๆปากมันก็เผลอหลุดถาม กลายเป็นว่าเธอรู้สึกตื่นเต้นยังกับคนสารภาพรักที่รอฟังคนตอบ ทั้งที่มันไม่ใช่เด็กคนนั้นต่างหากที่ชอบเธอ พอฟังประโยคคำถามนี้เธอก็ชะงัก
"ค่ะ ฉันชอบพี่ พี่จะว่าอะไรหรอค่ะ"คำว่าชอบของเด็กคนนี้พูดง่ายจัง เหมือนพูดออกมาลอยๆ แววตาไม่มีเลยหน้าไม่แดงไม่อะไรสัก อย่างบอกชอบออกมาอย่างหน้าตาเฉย
แต่คนหน้าแดงกลับเป็นเธอที่รอฟังซะงั้น ถึงจะมีคนมาสารภาพรักอยู่ปล่อยๆทั้งชายทั้งหญิงก็เถอะ. แต่ก็ไม่เคยรู้สึกประหลาดขนาดนี้สักหน่อย
"เอ่อ.......ไม่ว่าอะไรหรอกคะ แต่ชอบพี่จริงๆ ไม่ดีใจหรอคะที่พี่มาอยู่ใกล้แบบนี้คะ"ถามไปอย่างที่อยากรู้นั่นแหละ ดูเลนจะเหมือนคิดอะไรบางอย่างสักพัก เรื่องแค่นี้ต้องคิดด้วยหรอ
"ไม่รู้สิคะ ดีใจมันก็ดีใจอยู่หรอก. แต่มันง่ายเกินไป. แต่ตอนนี้เหมือนพี่กำลังทำลายโลกจินตนาการของฉันยังไงก็ไม่รู้สิคะ"เด็กสาวตอบตามตรง กับท่าทีถอนหายใจเหมือนเสียดายอะไรบางอย่างที่มายเองก็ไม่เข้าใจ แต่มันชวนให้ฉุนยังไงไม่รู้ ง่ายเกินไป อะไรที่ง่าย
"อะไรคะพี่ทำลายโลกจินตนาการของน้องเลน"เธอรักษาอารมณ์ไว้แล้วเลือกที่จะถามเรื่องคำพูดที่ดูไม่เข้าใจ
ฉันจะได้อ่านหนังสือไหมเนี่ย เด็กสาวคิด
"ก็ที่ผ่านมาพี่อยู่ในโลกจินตนาการฉันฉันก็เคยคิดว่าสักวันพี่จะเดินเข้ามาหา แต่พอพี่เดินเข้ามาจริงๆมันไม่เป็นอย่างที่จินตนาการไว้เลยแฮะ อะไรแบบนี้ค่ะ"คำตอบที่พูดอย่างตรงไปตรงมา
"น้องเลนจะบอกว่าชอบพี่ที่อยู่ในจินตนาการของน้องเลนมากกว่าหรอค่ะ"
"ไม่รู้สิคะ ก็พี่ที่อย่างในจินตนาการของฉันน่ะ ฉันรักพี่มายมากๆเลยค่ะ รักแบบไท่เคยรักใครถึงขั้นเพ้อไปเลยนะคะ แต่กับพี่ฉันไม่รู้ว่าใช่คนเดียวกันรึเปล่านะ ฉันกำลังคิดอยู่คะ"ว่าต่อแล้วเธอก็ทำหน้าครุ่นคิด เล่นเอาคนฟังอึ้งทึ่ง และฉุน ยัยเด็กนี้โรคจิตรึไงกันนะ แล้วเธอที่เป็นเธอไม่ดีตรงไหน ดูสิไม่ค่อยมีเพื่อนเพราะโลกจินตนาการที่สูงเกินคนปกติธรรมดาทั่วไป ของเธอนั่นแหละแปลก
และแล้วเธอก็คิดได้ ฉันนี่แหละจะพาเธอออกมาจากโรคจินตนาการมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงเอง
"เอางี้ไหมค่ะ เพราะไงน้องเลนก็ยังไม่รู้จักพี่ เรามาลองทำความรู้จีกกันดีไหมค่ะ แบบว่าลองคบกันดู พี่เองตอนนี้ก็ไม่มีใคร"สายตาจริงจังของมายด์เธอเอามือเท้าคางแล้วยิ้มให้ ในหัวตงคิดว่าตัวเองเป็นตัวละครเซ็กซี่จอมอ่อยในการ์ตูน
"พี่มายค่ะ ง่ายเกินไปรึเปล่าคะ"เด็กสาวกับถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายและส่ายหัว มายรู้สึกเหมือนภูเขาทั้งลูกหล่นมาทับหัว ง่ายหรอ ยัยเด็กนี่
"ลองคบกันดูก็ได้นี่คะ"ตั้งหลักได้เธอก็ตื้อต่อ
"ถึงฉันจะเป็นคนที่ถูกมองว่าชอบอยู่คนเดียวแต่ว่า ฉันกลัวค่ะ พี่ลองมองดูสิคะสายตาของผู้คนที่จ้องมองเราว่าเป็นตัวประหลาด แถมไม่ต้องพูดสายตานั่นก็แทบจะกรีดเลือดกรีดเนื้อได้เลยนะคะ แล้วอีกอย่างเรื่องผิดธรรมชาติแบบนี้ มันก็น่าตื่นเต้นอยู่หรอก แต่ฉันว่ามันไม่น่าเล่นคะ"
ผิดกับที่เธออ่านเด็กคนนี้กับที่เขียนไปดูเป็นคนละคนกัน. แถมพูดเรื่องความรักว่าเล่น อะไรของเด็กคนนี้ที่เขียนไปซะมากมาย เด็กคนนี้ไม่เข้าใจถึงความจริงจังของความรักด้วยซ้ำ
"ใครว่าพี่เล่นคะ พี่จริงจังนะ"
"ยิ่งจริงจังแหละยิ่งน่ากลัว. แต่ฉันจะลองคบกับพี่ก็ได้ค่ะ แต่เรื่องนี้เป็นความลับนะคะ"ดูเด็กคนนี้จะตื่นเต้นกับคำว่าความลับเสียเหลือเกิน มายพยักหน้ารับ
จากนั้นเป็นต้นมาที่ทั้งสองส่งข้อความไปมาหาสู่กันทุกวัน เดินไปโรงเรียนพร้อมกัน และบางวันก็ไปโรงเรียนพร้อมกัน แต่เลนจะเป็นคนปลีกตัวไปก่อนเสมอ
ไม่อยากให้ใครรู้ค่ะ คือเหตุผลของเธอ เลนนั้นทั้งส่งข้อความและพูดโทรศัพท์กับมายด์ดูเธอจะให้ความห่วงใยเสมอ ก่อนเข้าห้องเธอก็จะแอบเอาทั้งขนม และน้ำผลไม้ไปให้มาย ดูสิ่งที่ทำจะต่างจากตอนที่พบหน้า บางทีที่แทบทำเป็นไม่รู้จักกัน บางที่เลนก็จูงมือเพื่อนเดินผ่านไป
บางทีก็ยิ้มให้บ้างตามมารยาท
เสาร์อาทิตย์ที่นัดกันไปเที่ยว เลนใส่ใจและซื้อของ ทั้งเรื่องอาหารน้ำดื่ม เธอจะรู้รายละเอียดได้หมดทุกอย่างโดยไม่ต้องถาม แต่ก็มีบ้างที่เธอจะถาม แต่เป็นตอนจะ"ฉันรู้ค่ะว่าพี่ชอบอะไรแต่กินบ่อยๆถึงจะเป็นของโปรดมันก็เบื่อได้เหมือนกันฉันอยากให้พี่เลือกค่ะ กินแบบเดินที่เคยกับกินแบบเราอยากกินมันมีความสุขมากกว่านะคะ" เรื่องอาหารที่เด็กคนนี้ตอนแรกเธอคิดว่าแปลก แต่ตอนนี้เธอเริ่มชินเพราะเธอเองก็กินแบบเดียวกัน แม่เด็กคนนั้นไม่เคยขอให้ลอง แต่ก็อยากลองเอง
วันหนึ่งที่เธอไม่สบาย เลยก็ไปเฝ้าไข้ถึงที่ห้อง ดูแลเธออย่างดีและรู้ว่าวันนั้นเลนแทบไม่ได้นอนเพราะตื่นมาเมื่อไหร่เธอก็เห็นเด็กคนนั้นนั่งมองเธออยู่อย่างนั้น
นั่งวาดรูปเธอด้วยแววตาจริงจัง ไต่ถามสารทุกสุกดิบ อ่านก่อนรักของกวีก้องโลกให้ฟังด้วยน้ำเสียงไพเราะหวานใสนัยตาซึ้ง และคำรักมากมายที่เลนเอ่ยขึ้นกับเธอ แต่ก็นั่นแหละลับหลังผู้คน มันก็ดีอยู่หรอกนะ
แต่มีสิ่งหนึ่งที่ไม่ว่าจะต่อหน้าหรือลับหลังคือ เลนมักจะหลีกเลี่ยงการสัมผัสตัว หรือแม้กระทั่งจับมือ การนั่งในรถหรือรถบัสตอนที่รถว่างที่เด็กคนนั้นจะนั่งห่างกับเธอ
เธอให้เหตุผลว่าไม่ชินกับการสัมผัสตัว
แต่เป็นข้ออ้างหรืออะไรไม่รู้ที่เด็กคนนั้นไม่อยากเข้าใกล้เธอและเลนโกหก
เธอเห็นชัดๆที่เลยนั้นบางที่ก็เดินจูงมือนั่งพิง หรือกระทั่งที่ปล่อยให้เพื่อนในห้องกอด บางที่เลนด้วยซ้ำที่เดินไปพิงเด็กสาวเพื่องร่วมห้อง แต่กับเธอที่บอกว่าคบกันกับบอกว่าไม่ชิน
มายตัดสินใจที่วันนี้เธอกลับบ้านด้วยกัน เธออยากรู้เหตุผลจริงๆว่าทำไม เลนถึงได้เป็นแบบนั้น
"ปล่อยเถอะค่ะเดี๋ยวใครมาเห็น"เลนพูดพร้อมแกะมือของมายออกจากมือเธอ แค่จับมือเด็กคนนี้ยังกลัวเลย
เธอเลือกที่จะเก็บความรู้สึกนั้นไว้ และฉลาดพอที่จะไม่แสดงอาการออกว่าไม่พอใจ เลนไม่รู้หรือไงนะว่าตอนนี้มายรักเลน รักมากมาย เพราะความใกล้ชิดหรืออะไรไม่รู้หรอก มันทำเธอแทบบ้าที่เด็กคนนี้เฉยชากับเธอต่อหน้าคนอื่น แต่ทำไงได้ก็เธอเป็นคนขอคบเองหนิ มายก็ไม่ได้บอกว่าชอบเธอไปมากกว่าคนที่อยู่ในจินตนาการนั่นด้วยซ้ำ
"น้องเลนคะ วันนี้อย่าเพิ่งกลับได้ไหมคะ"มายเอ่ยปากขอร้อง แต่เลนทำท่าทางอึดอัดเหมือนไม่อยากอยู่
"ได้ค่ะ แต่คงอยู่ไม่นานนะคะ"เลนตอบตกลงก่อนเดินขึ้นหอพัก เลนรู้สึกที่บรรยากาศอึมครึมและนั่นแหละที่เธอไม่อยากอยู่
"มีเรื่องอะไรรึเปล่าค่ะ"เลนวางกระเป๋าลงแล้วเดินไปนั่งที่เก้าอี้ตัวประจำที่นั่งทุกครั้งตอนมา
"พี่มีเรื่องอยากถามค่ะ"สีหน้าน้ำเสียงจริงจังของมาย
"คะ"เลนเองก็รอฟังอย่างตั้งใจ
"ทำไมค่ะ แต่จับมือและสัมผัสตัวพี่น้องเลนถึงดูเหมือนรังเกียจขนาดนั้น แต่กับคนอื่นน้องเลนกลับทำได้ พี่แค่อยากรู้เราคบกันอยู่นะคะ"
"................"ก็นึกอยู่แล้วว่ามายต้องถามแต่เธอก็ไม่รู้จะเตรียมตอบคำถามนี้อย่างไรมันช่างอยากเหลือเกิน
"ทำไมไม่ตอบค่ะ"มายคาดคั้น
"ฉันกลัวค่ะ ฉันกลัวว่าจินตนาการของฉันมันจะพัง"เลนก้มน่าแล้วเธอเงยหน้าขึ้นมายิ้มตอบเหตุผลที่เธอให้ได้
เป็นเหตุผลที่ทำเอามายอึ้งและอิจฉาผู้หญิงคนนั้น
แต่ถ้าเป็นแบบนั้น
"น้องเลนยังรักผู้หญิงที่อยู่ในจินตนาการคนนั้นมากกว่าพี่ใช่มั้ยคะ เหตุผล"อยู่ดีๆน้ำตามันเอ่อล้นขึ้นมาคลอเบ้า แล้วร่วงหล่นอย่างกลั้นไม่อยู่ เธอไปบ้าจี้หลงรักเด็กโรคจิตแบบนี้ได้ยังไง
"......"เลนเงียบและความเงียบยืนยันคำตอบได้อย่างดี
"ถ้าอย่างนั้นน้องเลนก็เชิญมีความสุขกับจินตนาการน้องเลนต่อไปเถอะนะคะ พี่บ้าเองที่เข้าไปยุ่ง เราเลิกคบกันเถอะ"เหมือนเธอเองแหละที่เป็นคนบ้าไปขอคบกับเขา แล้วตอนนี้ก็เป็นฝ่ายขอเลิกแล้วยังจะมาเสียใจอะไร
".........."เด็กคนนี้ไม่มีปากรึไงนะ เธอไม่รู้เลยว่าในหัวสมองแปลกประหลาดของเลนคิดอะไร แต่เด็กคนนี้รู้เรื่องเธอทุกเรื่องและอ่านเธอออกหมด ไม่ยุติธรรมเลย
ถูเธอสิร้องให้เป็นบ้าเป็นบอเด็กคนนั้นซิแค่ถ่อนหายใจกับส่ายหน้าอย่างปลงๆ คิดว่ามันเรื่องเล็กหรือไง ก็ใช่สิเธอมันบ้าไปเองที่คิดว่าเด็กคนนี้จะชอบเธอที่เขาดีกับเธอก็เพราะคนในจินตนาการของเลนไม่ใช่เธอสักหน่อย
"กลับไปได้แล้วค่ะ"มายไม่อยากเห็นหน้าคนคนนี้สุดท้ายเธอเอยปากไล่ เลนก็เดินกลับไปเก็บกระเป๋าแล้วเดินออกไปอย่างเงียบ และจบแบบง่ายๆ ก็มันเริ่มแบบง่ายๆหนิ
มายเดินไปล็อคประตูและทรุดตัวลงนั่งร้องไห้ปล่อยให้น้ำตามันไหลไปให้หมด
เสียงเคาะประตูดังขึ้น กะจะไม่เปิดตอนนี้สภาพเธอยังไม่พร้อมพบใคร แต่มันไม่ได้หยุดลง
มายไปดูที่จอตอบรับ พบว่าเป็นเลน
"ฉันลืมกระเป๋าค่ะขอเข้าไปเอาหน่อย"พูดกับเครื่องตอบรับพร้อมชูมือเปล่า มายก็ไม่อยากเปิดให้หรอก แต่แค่มาเอาของจากนี้จะได้ไม่ยุ่งเกี่ยวกันอีก ทำเมื่อไม่มีอะไรเกิดขึ้นมันง่ายอยู่แล้วหนิ
เธอเปิดประตูออกให้ เลนก้าวเข้ามาอย่างช้า มองหากระเป๋าแต่ไม่เจอ
"น้องเล......"ยังไม่ทันที่เธอจะได้เรียกชื่อเด็กสาวก็ดันเธอจนแผ่นหลังติดกับกำแพง และทาบริมฝีปากลงอย่างรวดเร็วจนมายไม่ทันตั้งตัวมันแผ่วเบาและเนินนาน เธอนิ่งไปสมองยังประมวลผลไม่ดีนักว่าเกิดอะไรขึ้น และพอเธอรู้ตัวอีกทีเลนก็ถอนริมฝีปากออกไป และก็หน้าแดงซึ่งมายไม่เคยเห็นมาก่อน
"แบบนี้พอไหมค่ะ"เลนพูดขึ้นก่อนเมื่อเห็นคนที่เพิ่งรู้ตัวจับที่ริมฝีปากตัวเอง
"น้องเลนทำอะไรคะ"ในที่สุุดคำพูดก็หลุดออกมาอย่างสับสนบนดีใจ
"ขอตัวนะคะ"อยู่ดีๆเลนก็พูดขึ้นปุปปับผละจากเธอแล้วเดินไปที่ประตู เล่นเอางงจะมาแค่นี้น่ะหรอ มาแค่นี้ทิ้งความหวั่นไหวแล้วก็จากไป
แต่เลนแค่เดินไปที่ประตูแง้มออกแล้วฉวยเอากระเป๋านักเรียนที่พิงไว้ที่พนังกำแพงที่ห้องข้างนอกเข้ามาหน้าตาเฉย
"วันนี้ขอค้างที่นี่นะคะโทรบอกพ่อแล้วคะ"จัดการกับตัวเองเสร็จสับเรียบร้อย
"หรือยังไม่พอค่ะ" คำถามซื่อๆกับสีหน้าเรียบๆที่ทำเอามายหน้าแดงไปทั้งหน้า
เด็กสาวเดินก้าวเข้าไปหามายที่ตอนนี้ยังไม่ขยับ เธอจูงมือมายมานั่งโดยที่ให้อีกคนนั่งตัก แต่ด้วยที่ตัวเลนเล็ดและเตี้ยกว่าเธอเลยแนบหน้ากับแผ่นหลังของมายเท่านั่นแต่มือนั่นก็กอดอยู่ที่เอว
"น้องเลนทำอะไรคะ"คนที่นั่งแข็งทื่ออยู่บนตักเอ่ยถามไม่เต็มเสียง
"ก็พี่มายต้องการแบบนี้ไม่ใช่หรอค่ะ "เสียงเรียบทั้งใบหน้ามี่ไม่อาจมองเห็นทำให้มายไม่อาจเห็นสีหน้าของคนข้างหลังได้
"เราเลิกกันแล้วนะคะ"มายบอก
"ใครว่าล่ะฉันไปรับปากพี่ตอนไหนว่าเลิกค่ะ"เธอว่าแล้วกอดรัดแน่นขึ้นจนคนบนตักสะดุ้ง เธอกำลังเรียงลำดับเหตุการณ์ไม่ถูก
"น้องเลนทำแบบนี้ทำไมค่ะ"
"ไม่ชอบหรอคะที่ฉันทำแบบนี้ พี่ต้องการแบบนี้ไม่ใช่หรอ ปฏิเสธตอนนี้มันคงสายไปแล้วค่ะ พี่บอกฉันเองแล้วก็ดวงตาพี่มันฟ้อง ตอนนี้ฉันไม่อยากมองหน้าพี่ ฉันไม่อยากรู้ว่าพี่กำลังเศร้าเพราะฉัน"เธอรู้สึกว่าคนที่อยู่ข้างหลังจะกอดเธอแน่นไปอีก
"ใจร้ายมากเลยนะคะ น้องเลนดูพี่ออกหมดทุกอย่าง พี่กลับไม่แน่ใจว่าที่พี่เห็นอยู่นี้ใช่น้องเลนจริงๆหรือเปล่าน้องเลนรักพี่จริงๆหรือเปล่า ไม่ยุติธรรมเลยใช่ไหมคะ"พอพูดมันก็เริ่มที่จะร้องไห้ ยิ่งพูดมันยิ่งกลั้นไม่อยู่
"ไม่เคยค่ะ ทำไมฉันจะดูพี่ไม่ออกละคะ เพราะฉันเอาแต่เฝ้ามองพี่ตลอดมา และเสมอมาเป็นปีแล้ว ฉันเองก็รู้สึกน้อยใจเหมือนกันนะที่พี่ไม่เคยเข้าใจฉันเลย"ถึงจะไม่เห็นหน้าแต่มายก็รู้สึกได้ว่าอารมณ์ที่พูดเมื่อกี้มันติดมา เธอเป็นคนผิดงั้นหรอแต่นี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่เธออยากรู้ มันมากกว่านั้น
"แล้วเรื่องที่น้องเลนไม่ยอมเอ่อ อยู่ใกล้หรือสัมผัสพี่มันคืออะไรค่ะ.แล้วกลับคนอื่น"
"เรื่องนั้น"พูดแล้วก็ถอนหายใจสิ่งนี้ที่มายไม่ชอบเอาเสียเลย
เลนขยับให้มายลงไปนั่งข้างๆแทนพอนั่งลงมายก็หันมาจ้องตาอย่างหาคำตอบ สายตาเด็กสาวอีกคนก็จริงจังไม่แพ้กัน
"ก็คนพวกนั้นฉันไม่ได้รู้สึกอะไรนี่คะ แต่กับพี่ฉันรู้สึกชอบซึ่งไม่รู้ว่ารักหรือเปล่า ทุกครั้งที่ใกล้พี่ฉันรู้สึกหงุดหงิดตัวเองทุกครั้ง"ว่าแล้วมือนั่นที่วางอยู่ก็เลื่อนมาจับมือและเลื่อนไปที่ใบหน้า
"มันมีความรู้สึกที่ฉันแทบบ้าฉันต้องพยายามแค่ไหนที่จะไม่คิดเรื่อง....เอ่อ....เรื่องไม่ดีกับพี่"พอพูดถึงตอนนี้เธอกลับชักมือกลับ
"เรื่องไม่ดี?"มายกำลังไม่เข้าใจ
"เอ่อ...อย่างเช่นพอฉันสัมผัสพี่ฉันก็อยากสัมผัสมากขึ้นไปอีก ฉันอย่างสัมผัสริมฝีปากที่อ่อนนุ่มและแสนเย้ายวนนั่นของพี่ ผิวขาวเนียนละเอียดนั่นของพี่ อยากแนบหูของตัวเองกับหัวใจที่เต้นอยู่ของพี่ อยาก....อีกมากมาย นั่นแหละสิ่งที่หัวฉันมันบอก แต่ถ้าฉันแสดงออกไปฉันกลัวว่าพี่จะมองฉันแปลกๆ"เธอบอกความจริงตามที่เธอคิด เธอรู้ว่ามันฟังดูโรคจิต และเธออาจจะเป็นแบบนั้น
แค่พอมายฟังเธอกลับยิ้มออกมา เธอรู้สึกกว่าเลนช่างไร้เรียงสาเสียงจริง
"เรื่องแบบนั้นมันไม่แปลกหรอกนะคะ ก็คนรักกันเขาก็ต้องอยากอยู่ใกล้คนที่รักไม่ใช่หรอคะ"เธอพูดแล้วก็จับมือคนที่นั่งก้มหน้าหลบสายตาแต่ตอนนี้เธอเงยหน้าขึ้นมาเพราะคำพูดของมาย
"เพราะพี่เองก็อยากใกล้ชิดแล้วก็มากกว่านั้นกับน้องเลนเหมือนกัน"พูดไปก็หน้่าแดงไป
"ถ้าอย่างนั้น ทำได้หรอค่ะ"คนพูดซื่อตรงที่มายได้แต่คิดว่ายังถามอีกหรอ. แต่มายไม่ได้พูดแค่พยักหน้า
"อื้อ"
มือที่แค่จับมือกลายมาเป็นสอดประสาน ใบหน้าทั่งสองเลื่อนมาใกล้กัน ปล่อยให้ลมหายใจราดรดแก้มใสของกันและกันใบหน้าใกล้จนทั้งสองต้องเอียงหน้าเพื่อให้ริมฝีปากได้สัมผัสกันในทีแรกแค่ริมฝีปาก พอความปรารถณาที่จะสัมผัสกันมากขึ้น ก็เผยอปากโดยอัติโนมัติ ปลายลิ้มแตะสัมผัสในตอนแรก ทำให้ทั้งคู่ถอยกลับกับความรู้สึกที่แปลกใหม่ แค่เพราะเป็นรสชาติที่แสนหอมหวานทำให้ริมฝีปากประกบกันอักครั้งและปล่อยให้มันหยอกเย้าคว้านรับตอบสัมผัสและดูดกลืนความหวามละมุนที่อบอุ่น จากที่อ่อนนุ่มเมื่อต้องการความหวานที่เพิ่มขึ้นทั้งสองก็เดินหน้าอย่างไม่อาจถอนตัวและมือก็ไม่อาจอยู่เฉยได้ มันลูบไล้ไปตามเรือนร่างและต้นขาของมาย แม้ปากที่ไม่ได้ละออกจากกัน ก็มีบ้างที่ผละออกมาเพื่อเรียกอากาศหายใจ
แต่มันก็หวนกลับเขาสู่วังวนแห่งความละไมแลกเปลี่ยนความละมุนให้กันและกัน................
"พอแล้วค่ะน้องเลน"มายรีบดันคนตัวเล็กกว่าที่กำลังคร่อมตัวเธอให้ห่างขึ้น เผลอแปปเดียวมาอยู่ท่านี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
"ทำไมล่ะคะ"เธอผละจากจูบขึ้นมาถาม
"ไม่รู้สิค่ะแต่พี่ว่าพอก่อนนะคะ"สีหน้าเว้าวอนแบบนั้นเหมือนดั่งเช่นตรงข้ามกับที่พูด แต่สีหน้าจริงจังนั่นทำให้เลนเดาออกว่าเพราะอะไร
"เข้าใจแล้วค่ะงั้นฉันขอแค่นี้ก็แล้วกันนะคะ"พูดแค่นั้นก็ไม่ได้จะรอคำตอบอยู่แล้ว เธอแนบหูกับอกที่ใกล้หัวใจแล้วฟังอย่างตั้งใจกับเสียงหัวใจที่เต็นอยู่ แล้วหลับตาพริ้ม
"เรื่องผู้หญิงคนนั้นในจินตนาการน้องเลนนั่นเลิกคิดไปเลยนะคะ พี่อยู่ตรงนี้อยากได้อะไรก็บอก"อยู่ดีๆเธอก็พูดขึ้น
"หึงตัวเองก็เป็นด้วยหรอค่ะ"เลนยกตัวขึ้นแล้วเอามืดยันโซฟาจ้องตาคนที่นอนอยู่ด้านล่าง
"ใครว่ากันละ พี่ไม่ได้หึงสักหน่อย ก็น้องเลนบอกว่าคนละคนกันหนิคะ"พูดแล้วก็หันหน้าหนีไม่มองคนข้างบนที่จ้องเธอไม่วางตา
"ฉันเคยพูดหรอคะ"พอกลับมาทำหน้าเรียบเฉย ไม่รู้ไม่ชี้ก็ทำเอามายอดหมั่นไส้เสียไม่ได้ เลยเอื้อมมือขึ้นไปบีบจมูกได้รูปแก้อาการ
"ทำอะไรคะ"คนถูกบีบโวยวายรีบปัดมือออกเพราเริ่มหายใจไม่ออก พอมายยอมปล่อยเธอก็รีบสูดอากาศหายใจเข้าแล้วลูบจมูกตัวเองที่แดงเปล่ง
แล้วรีบลุกขึ้น
"งั้นกลับแล้วนะคะ"ว่าแล้วก็หยิบกระเป๋านักเรียนที่อยู่ข้างตัว
"ไหนว่าจะค้างที่นี่ค่ะ"มายยันตัวลุกขึ้นมาถามอย่างงง
"ไม่เอาแล้วคะ"
"ทำไมล่ะคะ"เพิ่มความงงไปใหญ่
"กลัวจะอดใจไม่ไหว"หันมายิ้มให้ และแปลบลิ้นไห้ก่อนวิ่งไปที่ประตู ทำเอาคนหน้าแดงเมื่อกี้แดงไปจนจะทั่วตัวกับประโยคเมื่อกี้
มายรีบลุกขึ้นอะไรของเขาอยากอยู่ก็อยู่ไปก็ไป ดูลำบากจริงๆ แต่เธอก็เดินไปส่งที่ประตู
"กลับบ้านดีๆนะคะ"เธอบอกลาแล้วจะปิดประตูลงยังไม่ปิดดี เลนก็ดึงประตูโผล่หน้าเข้ามาแล้วพุ่งตรงไปที่รืมฝีปาก แต่ด้วยความตกใจและความเร็วของมายจึงรีบบีบจมูกนั้น
"กลับได้แล้วค่ะ"ทำหน้าดุแต่เธอก็ยังยิ้มใครมันจะไปกลัว
ก็ถ้าเมื่อกี้ปกกันไม่ทัน ถ้าทำแบบนั่นละก็เธอนั่นแหละคงไม่ปล่อยให้เด็กคนนี้ได้กลับบ้านแน่
"งั้นกลับจริงๆแล้วนะคะ"เสียงอู้อี้ขึ้นจมูกเพราะอีกคนยังไม่ยอมปล่อย แต่แค่นิดเดียวคงไม่เป็นอะไรมั้ง คนบีบจมูกดึงจมูกนั้นเข้าหาทำให้คนถูกบีบต้องเลื่อนหน้าไปเพราะความเจ็บปวด มายสัมผัสที่ริมฝีปากของคนทำหน้ายุ่งร้องว่าหายใจไม่ออกนั้นเบาๆด้วยริมฝีปากเธอ ทำเอาคนที่จะโวยวายหยุดลงทันที. พอถอนริมฝีปากออกแล้วเธอก็ดันคนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ทั้งที่เมื่อกี้ยังทำหน้ายุ่งให้พ้นประตูไป
"บายบายค่ะ"สองสาวยิ้มแล้วบอกลากัน เลนโบกมือให้แล้วเดินไปแต่ก็ไม่วายที่จะหันมาเป็นระยะจนแทบจะเดินถอยหลัง พอเลนลับตาไปคราวนี้มายปิดและล็อคห้องตัวเอาทิ้งตัวนั่งลงพิงประตูแล้วยิ้ม แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่า
ดีแล้วรึเปล่านะที่ให้เรื่องเป็นแบบนี้
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น